Section outline
-
-
4116102 คณิตศาสตร์กับการตัดสินใจสำหรับเทคโนโลยีพลังงานทดแทน
-
ระบบพิกัดและการแปลงสมการเชิงอนุพันธ์สมการเชิงอนุพันธ์ย่อยและการประยุกต์ปริพันธ์การสร้างสมการเพื่อบ่งบอกลักษณะของอุปกรณ์ทางด้านพลังงาน แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ของอุปกรณ์ระบบพลังงาน เช่น อุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนคอมเพรสเซอร์อุปกรณ์ลดความดัน และอุปกรณ์อื่นๆ การจำลองสถานการณ์ของระบบพลังงาน เทคนิคการหาค่าที่เหมาะสมของระบบพลังงาน การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อจำลองแบบระบบพลังงาน การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำหรับการตัดสินใจทางพลังงาน
-
-
-
ระบบพิกัดหรือพิกัด (coordinate system or coordinate) ในทางเรขคณิต คือระบบที่ใช้
ตัวเลขในการบอกตำแหน6งของจดุ ในระนาบและปริภูมิ เช6น พิกัดของอาคารศูนย์วิทยาศาสตร์
มรภ.รำไพพรณีอยู6ที่ตำแหน6งละติจูด 12 องศาเหนือ 39.78 ฟ5ลิปดา ลองติจูด 102 องศาตะวันออก 06.32 ฟ5ลิปดาและอัลติจูด (ระดับความสูง ) 38 เมตร เหนือะดับน4ำทะเล เป็นต้น
ระบบพิกัดที่นิยมใช้มีสองระบบใหญ6ๆ คือ ระบบพกิ ดั ฉากหรือคาร์ทีเชียน (rectangular or
Cartesian coordinate system) และระบบพิกัดเชิงขั4ว (polar coordinate system) ทั4งนี4
เราสามารถทำการแปลงพิกัดจากระบบหนึ่งไปยังอีกระบบหนึ่งได้ระบบพิกัดฉากประกอบด้วยเส้นตรงสองหรือสามเส้นวางตั4งฉากซึ่งกนั และกัน ดังภาพที่ 1.1
ดังนั4นในการบอกตำแหน6งของจุด P ใดๆ ในระบบพิกัดฉากสองมิติ (ระนาบ) จึงเขียนแทนดว้ ย
คู6อันดับ และในระบบสามมิติ (ปริภูมิ) จะเขยี นแทนด้วยสามสิ่งอันดับ เมื่อx, y,z
คือจำนวนจริงใดๆ ที่แทนตำแหน6งบนแกน และ ตามลำดับ
-
-
-
ในการศกึษาเกียวกับเวกเตอร์เชิงอนุพันธ์นั้นจําเป็นต0องมีความรู0พื้นฐานเกี่ยวกับอนุพันธ์ และ
การหาอนุพันธ์ของฟ2งก์ชันต/างๆ รวมถึงการหาอนพุ ันธ์ย/อย นอกจากนี้แล0วยังต0องมีพื้นฐานเกี่ยวกับ
เวกเตอร์และการดําเนินการทางเวกเตอร์ ดังนั้นในเอกสารบทนี้เราจะเริ่มจากการอธิบายเกี่ยวกับ
ความหมายของอนุพันธ์และทบทวนการหาอนุพันธ์และสุดท0ายจะอธิบายถึงอนุพันธ์ของเวกเตอร์และ
การประยุกต์ใช0ในทางวิทยาศาสตร์
-
-
-
การอินทิเกรตหรือการหาปริพันธ์และเทคนิคการอินทิเกรตประกอบด้วยการหาปริพันธ์โดยการแยกส่วน การหาปริพันธ์โดยการแทนค่าด้วยวิธีพีชคณิต การหาปริพันธ์โดยการแทนค่าด้วยฟังก์ชันตรีโกณมิติ การหาปริพันธ์แบบจํากัดเขตปริพันธ์สองชั้นและปริพันธ์สามชั้น การอินทิเกรตเวกเตอรแ์ ละการประยุกต์ใช้
-
-
-
ข้อมูลฐานด้านพลังงาน (Energy Baseline : EnB) เป็นข้อมูลแสดงปริมาณที่ใช้อ้างอิงเพื่อการเปรียบเทียบ
สมรรถนะด้านพลังงานขององค์กร กระบวนการ ระบบ และ เครื่องจักรหลักที่มีนัยสําคัญ ในช่วงเวลาที่กําหนด
(ข้อมูลพลังงานในอดีต) กับข้อมูลด้านพลังงานซึ ่งแสดงถึงการเปลี ่ยนแปลงของสมรรถนะด้านพลังงาน
ในอนาคต (หลังจากการปรับปรุงสมรรถนะพลังงานหรือช่วงเวลาที่กําหนดให้รายงานผล) ซึ่งอธิบายให้เข้าใจ
ง่ายขึ้นมันคือการเปรียบเทียบตัวชี้วัดสมรรถนะด้านพลังงาน (Energy Performance Indicators : EnPI)
ในปัจจุบันกับข้อมูลฐานด้านพลังงาน ผลต่างที่เกิดขึ้นคือ สมรรถนะพลังงานที่เปลี่ยนแปลงไป
ดังนั้นในการกําหนดและจัดทําฐานข้อมูลด้านพลังงาน
-
-
-
การพัฒนาแบบจำลองข้อมูลเพื่อนำไปใช้นั้นมความจำเป็นอย่างมากเพราะโดยทั่วไปแล้วการจำลองสถานการณ์การทำงานของระบบต้อใใช้คอมพิวเตอร์ในการคำนวณ ดังนั้นการสร้างแบบจำลองทางคณิศาสตร์จากข้อมูลการทดลองจะสะดวกต่อการนำไปใช้มากกว่าการใช้ข้อมูลการทดลองที่อยู่ในรูปแบบตาราง
-
-
-
In this study, a new reduction method, namely the “Finite Circular Fin Methods
(FCFM)” based on “Actual Dry-Bulb Temperature Method” and based on “Equivalent
Dry-Bulb Temperature Method” are proposed for detailed evaluation of the
performances of fin-and-tube heat exchangers instead of conventional lump approach.
Analysis of the fin-and-tube heat exchangers is firstly carried out by dividing the heat
exchangers into many tiny segments (number of tube row × number of tube pass per
row × number of fin)
-
-
-
เนื่องจากความต้องการพลังงานดีมากขึ้นทุกปีในขณะที่ความสามารถในการผลิตพลังงานมีอยู่อย่างจำกัดดังนั้นจะเห็นได้ว่ามีการรณรงค์ในเรื่องการช่วยกันประหยัดพลังงานมากขึ้นโดยประมาณร้อยละ 60 ของพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในบ้านพักอาศัยจะถูกใช้ในส่วนของเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบของเครื่องปรับอากาศที่ใช้พลังงานไฟฟ้ามากคือคอมเพรสเซอร์ ซึ่งการทำงานของคอมเพรสเซอร์ของเครื่องปรับอากาศที่พบเห็นทั่วไปจะทำงานตามอุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิที่เรียกว่าเทอร์โมสตัท โดยจะทำหน้าที่ตัดต่อวงจรไฟฟ้าที่ให้กับคอมพิวเตอร์เพื่อให้อุณหภูมิภายในห้องอยู่ในช่วงที่ต้องการ ทำให้เครื่องปรับอากาศมีลักษณะการทำงานแบบเปิด-ปิด ส่งผลให้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานลดลง
-
-
-
การจำลองสถานการณ์หมายถึง การคำนวณหาตัวแปรที่ไม่ทราบค่าในแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่สร้างขึ้นมาแทนการทำงานของระบบจริง เพื่อนำผลการคำนวณจากการจำลองสถานการณ์ของระบบไปช่วยในการออกแบบหรือการหาเงื่อนไขการทำงานแบบเหมาะที่สุด
การจำลองสถานการณ์ของระบบนั้นมีความจำเป็นที่จะต้องเข้าใจและมีความรู้ของอุปกรณ์ต่างๆ ทุกชิ้นที่ประกอบเป็นระบบที่สามารถทำงานได้อย่างถ่องแท้ เนื่องจากการจำลองสถานการณ์เป็นการเรียนแบบการทำงานจริงของระบบ การศึกษาการจำลองสถานการณ์ในบทนี้จะรวบรวมขั้นตอนและวิธีการตั้งแต่การสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ของระบบพลังงาน ประโยชน์และการนำการจำลองสถานการณ์ระบบพลังงานไปใช้ การจำแนกปัญหาของการจำลองสถานการณ์ วิธีการแก้ระบบสมการที่ไม่เป็นเชิงเส้นและการจำลองสถานการณ์ระบบพลังงาน
-
-
-
การทำงานแบบเหมาะที่สุด หมายถึง กระบวนการหาเงื่อนไขหรือองค์ประกอบของอุปกรณ์เพื่อการตัดสินใจเรื่องอุปกรณ์ประกอบของระบบเพื่อให้ได้ระบบที่เหมาะที่สุด ระบบที่ทำงานได้อ่านมีอุปกรณ์ประกอบต่างๆ ที่ไม่เหมาะสมกับการใช้งานบางอย่าง ยกตัวอย่างเช่น ออกแบบระบบแสงสว่างซึ่งอาจมีระบบที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์หรือใช้เครื่องยนต์เป็นต้น แต่ระบบที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์คงไม่เหมาะกับพื้นที่ที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย เราอาจใช้เครื่องยนต์เป็นต้นกำลังดีกว่า แต่ถ้าต้องการใช้ระบบแสงสว่างบนพื้นที่สูงซึ่งไม่สามารถเข้าถึงได้ง่ายหรือสามารถเข้าถึงได้เป็นบางฤดูก็อาจใช้พลังงานแสงอาทิตย์เป็นระบบที่เหมาะสมกว่าดังนั้นการหาระบบที่สามารถทำงานได้เหมาะที่สุด จะต้องมีบรรทัดฐานของการหาค่าที่เหมาะที่สุด
-
-
-
ในสถานการณ์ปัจจุบันภาวะวิกฤตพลังงานเป็นปัญหาที่สำคัญ และมีผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจ การใช้พลังงานในประเทศโดยเฉพาะพลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอาคารและที่พักอาศัยนั้นมีการใช้พลังงานสูง โดยแบ่งสัดส่วนการใช้พลังงานเป็นของระบบปรับอากาศสูงถึงร้อยละ 65 และระบบไฟฟ้าแสงสว่างร้อยละ 25 โดยกระทรวงพลังงานระบุว่าการใช้พลังงานขั้นสุดท้ายของประเทศไทยในช่วงไตรมาสแรก เพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันในช่วงปีก่อน ดังนั้นจึงมีความจำเป็นในการหาจุดเหมาะสมของการใช้พลังงานให้คุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งสามารถคำนวณโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยออกแบบและจำลองสถานการณ์แล้วนำเสนอเป็นข้อมูลสำหรับสนับสนุนการตัดสินใจในการใช้พลังงานให้อยู่ในรูปแบบที่คุ้มค่า
-