Section outline
-
-
หมวด 1 หลักทั่วไป
*****ม.226
1. พยานวัตถุ พยานเอกสาร/ พยานบุคคล
2. ซึ่งน่าจะพิสูจน์ได้ว่า จล. มีผิด/บริสุทธิ์
3. อ้างเป็นพยานหลักฐานได้
4. แต่ต้องเป็นพยานที่มิได้เกิดขึ้น
5. จากการ จูงใจ มีคำมั่นสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวง/ โดยมิชอบประการอื่น
*****ม.226/1 วรรค 1
1. ปรากฏแก่ศาลว่าพยานหลักฐานใดเกิดขึ้นโดยชอบ
2. แต่
2.1 ได้มาเนื่องจากการกระทำโดยมิชอบ
2.2 เป็นพยานหลักฐานที่ได้มาโดยอาศัยข้อมูลที่เกิดขึ้น
2.3 เป็นพยานหลักฐานที่ได้มาโดยมิชอบ
3. ห้ามรับฟัง
4. เว้นแต่การรับฟังจะเป็นประโยชน์ต่อการอำนวยความยุติธรรมมากกว่าผลเสียอันเกิดจากผลกระทบ
4.1 ต่อมาตรฐานระบบงานยุติธรรมทางอาญา /
4.2 ต่อสิทธิเสรีภาพพื้นฐานของประชาชน
*****ม.226/2 วรรค 1
1. ห้ามรับฟังพยานหลักฐานที่เกี่ยวกับ
1.1 การทำความผิดครั้งอื่นๆ ของ จล. /
1.2 ความประพฤติในทางเสื่อมเสียของ จล.
2. เพื่อพิสูจน์ว่า จล.เป็นผู้กระทำผิด
3. เว้นแต่เป็นพยาน
(1) ที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับองค์ประกอบความผิด
(2) ที่แสดงถึงลักษณะ/วิธี/รูปแบบ การกระทำผิดของ จล.
(3) ที่หักล้างข้อกล่าวอ้างของ จล.ถึง การกระทำ/ความประพฤติในส่วนดี ของ จล.
วรรค 2
1. ไม่ห้ามการนำสืบพยานหลักฐานตาม ว.1
2. เพื่อให้ศาลใช้ประกอบดุลพินิจในการ กำหนดโทษ/เพิ่มโทษ
***ม.226/3 วรรค 1
1. ข้อความซึ่งเป็นการบอกเล่า
1.1 ที่พยานบุคคลนำมาเบิกความต่อศาล
1.2 ที่บันทึกไว้ในเอกสาร ซึ่งอ้างเป็นพยานหลักฐานต่อศาล
1.3 ที่บันทึกไว้ในวัตถุอื่นใด ซึ่งอ้างเป็นพยานหลักฐานต่อศาล
2. หากนำเสนอเพื่อพิสูจน์ความจริงของข้อความ
3. ถือเป็นพยานบอกเล่า
วรรค 2
1. ห้ามรับฟังพยานบอกเล่า
2. เว้นแต่
(1) ตามสภาพ+ลักษณะ+แหล่งที่มา+ข้อเท็จจริงแวดล้อม น่าเชื่อว่าจะพิสูจน์ความจริงได้ /
(2) 1. มีเหตุจำเป็นไม่สามารถนำผู้ที่ได้เห็น/ได้ยิน/ทราบข้อความโดยตรงมาเป็นพยานได้+
2. มีเหตุสมควรเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
*****ม.226/5
1. ชั้นพิจารณา
2. มีเหตุจำเป็น/เหตุอันสมควร
3. ศาลรับฟัง
3.1 บันทึกคำเบิกความ ชั้นไต่สวนมูลฟ้อง /
3.2 บันทึกคำเบิกความ ที่เบิกความไว้ในคดีอื่น
4. ประกอบพยานหลักฐานอื่นได้
*ข้อสังเกต รับฟังประกอบเท่านั้น มิใช่รับฟังเพื่อลงโทษ
**ม.227/1 วรรค 1
1. การฟังพยานบอกเล่า พยานซัดทอด
2. ต้องทำด้วยความระมัดระวัง+ไม่ควรเชื่อโดยลำพังเพื่อลงโทษ จล.
3. เว้นแต่
3.1 มีเหตุผลหนักแน่น /
3.2 มีพฤติการณ์พิเศษ /
3.3 มีพยานหลักฐานอื่นประกอบ
วรรค 2
1. พยานประกอบตาม ว.1 หมายถึง
2. พยานที่รับฟังได้+มีที่มาต่างหากจากพยานบอกเล่า/พยานซัดทอด+มีคุณค่าเชิงพิสูจน์ทำให้พยานบอกเล่า/พยานซัดทอดน่าเชื่อถือมากขึ้น
**ม.228
1. ระหว่างพิจารณา โดยพลการ/คู่ความร้องขอ
2. ศาลมีอำนาจสืบพยานเพิ่มเติม
*****ม.229/1 วรรค 1
1. ภายใต้บังคับ 173/1
2. การไต่สวนมูลฟ้อง/การพิจารณา
3. จ. ต้องยื่นบัญชีพยานก่อนวันไต่สวนมูลฟ้อง/ก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 15 วัน+สำเนา
4. ส่วน จล. ต้องยื่นบัญชีพยานก่อนวันสืบพยาน จล.+สำเนา
วรรค 2
1. การขอคืนของกลางที่ศาลริบ/การขอให้ศาลริบทรัพย์
2. ผู้เกี่ยวข้องต้องยื่นบัญชีพยานก่อนวันไต่สวนไม่น้อยกว่า 7 วัน+สำเนา
วรรค 3
1. ระยะเวลาให้ยื่นบัญชีพยานตาม ว.1 / ว.2 สิ้นสุด
2. คู่ความ/บุคคลที่ยื่นบัญชีพยานไว้แล้ว
2.1 มีเหตุสมควรแสดงได้ว่า
2.1.1 ตนไม่สามารถทราบได้ว่าต้องนำพยานบางอย่างมาสืบ
2.1.2 ตนไม่ทราบว่าพยานบางอย่างมีอยู่
2.2 มีเหตุสมควรอื่นใด
3. บุคคลตามข้อ 2. สามารถขออนุญาตต่อศาลอ้างพยาน+บัญชีพยาน+สำเนา
4. ไม่ว่าเวลาใดก่อนเสร็จสิ้นการสืบพยานของฝ่ายนั้น+10.
5. ระยะเวลาตามข้อ 1 สิ้นสุด
6. คู่ความ/บุคคล ที่ไม่ได้ยื่นบัญชีพยานไว้
7. แสดงได้ว่า มีเหตุสมควรไม่สามารถยื่นบัญชีพยานตามกำหนดเวลาดังกล่าวได้
8. บุคคลตามข้อ 6 สามารถขออนุญาตต่อศาลอ้างพยาน+บัญชีพยาน+สำเนา
9. ไม่ว่าเวลาใดก่อนเสร็จสิ้นการพิจารณา+10
10. ถ้าศาลเห็นว่าจำเป็นต้องสืบพยานดังกล่าวเพื่อให้การชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรม
11. ศาลมีอำนาจอนุญาตให้สืบ+รับฟังพยานนั้นได้
วรรค 4
1. ห้ามศาลอนุญาตให้สืบ+รับฟัง
2. หากคู่ความ/บุคคลที่เกี่ยวข้อง มิได้แสดงความจำนงอ้างอิงพยานตาม 229/1 ว.1 ว.2 ว.3 / 173/1 ว.2 ว.3
3. แต่ถ้าศาลเห็นว่า
3.1 จำเป็นต้องคุ้มครองพยาน
3.2 จำเป็นต้องสืบพยานดังกล่าว
3.2.1 เพื่อให้การชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรม
3.2.2 เพื่อให้โอกาส จล. ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่
4. ศาลมีอำนาจอนุญาตให้สืบ+รับฟังพยานนั้นได้
*ข้อสังเกต การยื่นบัญชีพยาน เดิม นำพยานแพ่งมาอนุโลมใช้แต่ปัจจุบัน พยานอาญากำหนดไว้เฉพาะแล้ว
หมวด 2 พยานบุคคล
*****ม.232
-ห้าม จ. อ้าง จล.เป็นพยาน
ม.233 วรรค 1
-จล.อ้างตนเองเป็นพยานได้
วรรค 2
1. คำเบิกความ จล.ใช้ยัน จล.(ที่เบิกความ) ได้
2. ศาลรับฟังคำเบิกความ จล. ประกอบพยานอื่นของ จ.ได้
***ม.237 วรรค 2
1. กรณีคู่ความตกลงกัน
2. ศาลสามารถอนุญาต
3. ให้ถือเอา บันทึกคำเบิกความพยานชั้นไต่สวนมูลฟ้องเป็นคำเบิกความชันพิจารณาโดยไม่ต้องเบิกความใหม่ได้
4. เว้นแต่ความผิดที่มีโทษอย่างต่ำจำคุกตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป/หนักกว่านั้น
*****ม.237 ทวิ วรรค 1
1. ก่อนฟ้องคดีต่อศาล
1.1 มีเหตุอันควรเชื่อว่า
1.1.2 พยานบุคคลจะเดินทางออกนอกราชอาณาจักร /
1.1.2 พยานบุคคลไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง /
1.1.3 พยานบุคคลมีถิ่นที่อยู่ห่างไกลจากศาลที่พิจารณาคดี /
1.2 มีเหตุอันควรเชื่อว่าจะมีการยุ่งเหยิงกับพยาน
1.3 มีเหตุจำเป็นอื่นอันเป็นการยากแก่การนำพยานมาสืบในภายหน้า
5. พงอ.โดยตนเอง/โดยได้รับคำร้องขอจาก ผสห./โดยได้รับคำร้องขอจาก พงส.
6. ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งสืบพยานไว้ทันทีได้
ข้อสังเกต จะรู้ตัว/ไม่รู้ตัวผู้กระทำผิด สามารถขอให้สืบพยานไว้ล่วงหน้าได้ ไม่รู้ตัว (237 ทวิ ว.1+ว.4 )
วรรค 3
1. ถ้ามีการฟ้อง ผตห.จะเป็นคดีที่ศาลต้องตั้งทนาย/จล.มีสิทธิขอให้ศาลตั้งทนายให้ตาม 173
2. ก่อนเริ่มสืบพยาน ศาลต้องถาม ผตห.ว่ามีทนายหรือไม่
3. กรณีที่ศาลต้องตั้งทนายให้ ( ก.ม.บังคับต้องตั้ง 173 ว.1+จล.ขอ 173 ว.2 )
3.1 ถ้าเห็นว่าตั้งทัน ต้องตั้งให้
3.2 ถ้าเห็นว่าตั้งไม่ทัน ซักถามพยานให้แทน
วรรค 5
-เมื่อ ผตห.ถูกฟ้อง รับฟังคำพยานดังกล่าวในการพิจารณาได้
วรรค 6
-ผตห.ขอสืบพยานบุคคลไว้ล่วงหน้าได้ ( เมื่อมีเหตุตาม ว.1 )
วรรค 8
-นำ 172 ตรี มาใช้กับการสืบพยานเด็กอายุไม่เกิน18 ปีโดยอนุโลม
***ม.237 ตรี วรรค 1
1. นำ 237 ทวิ มาใช้โดยอนุโลมกับ
1.1 การสืบพยานผู้เชี่ยวชาญ /
1.2 การสืบพยานหลักฐานอื่น /
1.3 กรณีมีการฟ้องคดีไว้แล้วแต่มีเหตุจำเป็นต้องสืบพยานไว้ก่อนถึงกำหนดเวลาสืบพยานตามปกติตาม173/2 ว.2
วรรค 2
1. ในกรณี
1.1 พยานทางวิทยาศาสตร์สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงที่สำคัญในคดีได้ /
1.2 มีเหตุอันควรเชื่อว่า หากเนิ่นช้ากว่าจะนำพยานทางวิทยาศาสตร์อันสำคัญมาสืบในภายหน้า พยานนั้น
จะสูญเสียไป/จะเป็นการยากแก่การตรวจพิสูจน์
2. ผตห./พงอ.โดยตนเอง/พงอ. โดยได้รับคำร้องจาก พงส./ผสห.
3. ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ตาม 244/1 ไว้ก่อนฟ้องได้
4. นำ 237 ทวิ มาใช้โดยอนุโลม
หมวด 3 พยานเอกสาร
**ม.240 วรรค 1
1. กรณีศาลไม่ได้กำหนดให้มีวันตรวจพยาน ตาม 173/1
2. คู่ความจะอ้างเอกสารที่อยู่ในครอบครองของตนเป็นพยาน
3. ต้องยื่นพยานเอกสารต่อศาลก่อนวันไต่สวนมูลฟ้อง/วันสืบพยานไม่น้อยกว่า 15 วัน
4. เว้นแต่
4.1 เอกสารนั้นเป็นบันทึกคำให้การพยาน /
4.2 เอกสารนั้นเป็นเอกสารที่ปรากฏชื่อ/ที่อยู่ของพยาน /
4.3 ศาลเห็นสมควรสั่งเป็นอย่างอื่นเนื่องจากสภาพ+ความจำเป็นแห่งเอกสารนั้น
วรรค 3
1. คู่ความ
1.1 ไม่ส่งเอกสารตาม ว.1 /
1.2 ไม่ส่งพยานเอกสาร/พยานวัตถุตาม 173/2 ว.1
2. ให้ศาลมีอำนาจไม่รับฟังพยานหลักฐานนั้น
3. เว้นแต่
3.1 เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
3.2 การไม่ปฏิบัติดังกล่าวมิได้เป็นไปโดยจงใจ+ไม่เสียโอกาสในการดำเนินคดีของคู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง
หมวด 4 ผู้เชี่ยวชาญ
*****ม.244/1 วรรค 1
1.กรณีความผิดอาญามีโทษจำคุก
2.หากจำเป็นต้องใช้พยานทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ข้อเท็จจริงที่เป็นประเด็นสำคัญแห่งคดี
3.ศาลมีอำนาจสั่งให้ทำการตรวจพิสูจน์บุคคล/วัตถุ/เอกสาร โดยวิธีทางวิทยาศาสตร์ได้
วรรค 2
1. กรณีการตรวจพิสูจน์ตาม ว.1
2. จำเป็นต้องตรวจเก็บตัวอย่างเลือด...จากคู่ความ/บุคคลใด
2.1 ศาลมีอำนาจสั่งแพทย์/ผู้เชี่ยวชาญ ดำเนินการตรวจดังกล่าวได้ +
2.2 ต้องทำเท่าที่จำเป็น+สมควร+คู่ความ/บุคคลที่เกี่ยวข้องต้องให้ความยินยอม
4. หากคู่ความฝ่ายใด
4.1 ไม่ยินยอมโดยไม่มีเหตุสมควร
4.2 กระทำการป้องปัดขัดขวางมิให้บุคคลที่เกี่ยวข้องให้ความยินยอมโดยไม่มีเหตุสมควร
5. ให้สันนิษฐานไว้เบื้องต้นว่าข้อเท็จจริงเป็นไปตามที่คู่ความฝ่ายตรงข้ามกล่าวอ้าง
วรรค 3
1. ในกรณี
1.1 พยานทางวิทยาศาสตร์สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงที่ทำให้ศาลชี้ขาดได้โดยไม่ต้องสืบพยานอื่นอีก /
1.2 มีเหตุอันควรเชื่อว่า หากเนินช้ากว่าจะนำพยานทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญมาสืบในภายหน้า พยานนั้น
จะสูญเสียไป/จะยากแก่การตรวจพิสูจน์
2. เมื่อคู่ความร้องขอ/ศาลเห็นสมควร
3. ศาลอาจสั่งให้ทำการตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ตาม ว.1+ว.2 ได้ทันที
4. โดยไม่ต้องรอถึงกำหนดวันสืบพยานตามปกติ
5. นำ 237 ทวิ มาใช้โดยอนุโลม
เพิ่มเติมส่วน ป.วิอาญา
***ม.173/1 วรรค 1
1. คดีที่ จล.ไม่ให้การ/ให้การปฏิเสธ (ถ้า จล.รับสารภาพ ไม่เข้า)
2. คู่ความฝ่ายใดร้องขอ/ศาลเห็นสมควร
3. ศาลอาจให้มี วันตรวจพยานหลักฐาน ก่อนกำหนดวันสืบพยาน
4. แจ้งให้คู่ความทราบล่วงหน้า ไม่น้อยกว่า 14 วัน (เช่น วันตรวจคือ 15 ม.ค. ต้องแจ้งอย่างช้าสุดวันที่
วรรค 2
1. ก่อนวันตรวจพยานหลักฐานตาม ว.1 ไม่น้อยกว่า 7 วัน
2. คู่ความต้องยื่นบัญชีระบุพยาน พร้อม สำเนา ที่เพียงพอให้คู่ความฝ่ายอื่นรับไปจาก จพง.ศาล
3. คู่ความฝ่ายใดจะยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติม
4. ต้องยื่น ก่อนการตรวจพยานหลักฐานเสร็จสิ้น
วรรค 3
1. การยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมเมื่อพ้นเวลาตาม ว.2
2. ทำได้เมื่อ ได้รับอนุญาตจากศาล
2.1 เมื่อผู้ร้องแสดงเหตุอันควรว่า ไม่สามารถทราบถึงพยานหลักฐานนั้น
2.2 เมื่อเป็นกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
2.3 เพื่อให้โอกาส จล.ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่
วรรค 4
1. พยานเอกสาร/พยานวัตถุ
2. อยู่ในความครอบครองบุคคลภายนอก
3. คู่ความที่ต้องการอ้าง
4. ต้องขอให้ศาลมีคำสั่งเรียกมาจากผู้ครอบครอง
5. โดยยื่นคำขอต่อศาล พร้อม การยื่นบัญชีระบุพยาน
6. เพื่อให้ได้มา ก่อนวันตรวจพยานหลักฐาน/ก่อนวันที่ศาลกำหนด
***ม.173/2 วรรค 1
1. วันตรวจพยานหลักฐาน
2. คู่ความต้องส่งพยาน เอกสาร+พยานวัตถุ ที่อยู่ในครอบครองของตนต่อศาล
3. เพื่อให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตรวจสอบ
4. เว้นแต่
4.1 ศาลสั่งอย่างอื่นเนื่องจาก สภาพ+ความจำเป็น แห่งพยานหลักฐานนั้น
4.2 พยานหลักฐานนั้นเป็น บันทึกคำให้การพยาน
5. เมื่อศาลกำหนดวันสืบพยาน ต้องแจ้งให้คู่ความทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน
6. ถ้า จ. ไม่มาศาลในวันตรวจพยานหลักฐาน นำ 166 มาใช้โดยอนุโลม
วรรค 2
1. กรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
2. ศาลเห็นสมควร/คู่ความร้องขอ
3. ศาลมีอำนาจสั่งให้สืบพยานเกี่ยวกับประเด็นสำคัญในคดี
4. ไว้ล่วงหน้าก่อนถึงกำหนดวันนัดสืบพยานได้
***ม.55/1 วรรค 1
1. คดีที่ พงอ.เป็น จ.
2. หากปรากฏว่า
2.1 พยาน จ. มีเหตุขัดข้องไม่อาจมาศาลได้ /
2.2 เกรงว่าจะเป็นการยากที่จะนำพยาน จ. มาสืบตามที่ศาลนัด
3. ให้ พงอ. ขอให้ศาลสืบพยานไว้ล่วงหน้าตาม 173/2 ว.2
*ข้อสังเกต ปรับบท 55 ว.1+173/2 ว.2
********************
-