โครงสร้างหัวข้อ

    • Folder icon
    • เพื่อให้นักศึกษามีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายลักษณะพยาน 2. เพื่อให้นักศึกษาพัฒนาและเพิ่มเนื้อหาหรือเน้นหนักเนื้อหาให้สอดคล้องกับเหตุการณ์ปัจจุบัน หรือปัญหาในสังคม เพื่อให้นักศึกษานำไปปรับใช้ได้ในชีวิตประจำวัน และการประกอบวิชาชีพในอนาคต

  • หัวข้อ 1

    • Folder icon
    • - เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้เกี่ยวกับระบบการค้นหาความจริง - เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้เกี่ยวกับกฎเกณฑ์การสืบพยานหลักฐานของศาล - เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้เกี่ยวกับชนิดของพยานหลักฐาน - เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ในเรื่องหลักการรับฟังและไม่รับฟังพยานหลักฐาน - เพื่อให้ผู้เรียนมีการเคารพสิทธิ รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นรวมทั้งเคารพศักดิ์ศรี ของความเป็นมนุษย์

  • หัวข้อ 2

  • หัวข้อ 3

  • หัวข้อ 4

  • สรุปพยาน

    •  

      พยานอาญา

      หมวด 1 หลักทั่วไป

      *****ม.226  

      1. พยานวัตถุ พยานเอกสาร/ พยานบุคคล

      2. ซึ่งน่าจะพิสูจน์ได้ว่า จล. มีผิด/บริสุทธิ์

      3. อ้างเป็นพยานหลักฐานได้

      4. แต่ต้องเป็นพยานที่มิได้เกิดขึ้น

      5. จากการ จูงใจ มีคำมั่นสัญญา ขู่เข็ญ  หลอกลวง/ โดยมิชอบประการอื่น

      *****ม.226/1  วรรค 1    

      1. ปรากฏแก่ศาลว่าพยานหลักฐานใดเกิดขึ้นโดยชอบ

      2. แต่

          2.1 ได้มาเนื่องจากการกระทำโดยมิชอบ

          2.2 เป็นพยานหลักฐานที่ได้มาโดยอาศัยข้อมูลที่เกิดขึ้น

          2.3 เป็นพยานหลักฐานที่ได้มาโดยมิชอบ

      3. ห้ามรับฟัง

      4. เว้นแต่การรับฟังจะเป็นประโยชน์ต่อการอำนวยความยุติธรรมมากกว่าผลเสียอันเกิดจากผลกระทบ           

          4.1 ต่อมาตรฐานระบบงานยุติธรรมทางอาญา /

          4.2 ต่อสิทธิเสรีภาพพื้นฐานของประชาชน

      *****ม.226/2  วรรค 1

      1. ห้ามรับฟังพยานหลักฐานที่เกี่ยวกับ

         1.1 การทำความผิดครั้งอื่นๆ ของ จล. /

         1.2 ความประพฤติในทางเสื่อมเสียของ จล.  

      2. เพื่อพิสูจน์ว่า จล.เป็นผู้กระทำผิด

      3. เว้นแต่เป็นพยาน

         (1) ที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับองค์ประกอบความผิด

         (2) ที่แสดงถึงลักษณะ/วิธี/รูปแบบ การกระทำผิดของ จล.

         (3) ที่หักล้างข้อกล่าวอ้างของ จล.ถึง  การกระทำ/ความประพฤติในส่วนดี ของ จล.

                   วรรค 2

      1. ไม่ห้ามการนำสืบพยานหลักฐานตาม ว.1

      2. เพื่อให้ศาลใช้ประกอบดุลพินิจในการ  กำหนดโทษ/เพิ่มโทษ

      ***ม.226/3  วรรค 1

      1. ข้อความซึ่งเป็นการบอกเล่า

         1.1 ที่พยานบุคคลนำมาเบิกความต่อศาล

         1.2 ที่บันทึกไว้ในเอกสาร ซึ่งอ้างเป็นพยานหลักฐานต่อศาล

         1.3 ที่บันทึกไว้ในวัตถุอื่นใด ซึ่งอ้างเป็นพยานหลักฐานต่อศาล

      2. หากนำเสนอเพื่อพิสูจน์ความจริงของข้อความ

      3. ถือเป็นพยานบอกเล่า

                  วรรค 2 

      1. ห้ามรับฟังพยานบอกเล่า 

      2. เว้นแต่

         (1) ตามสภาพ+ลักษณะ+แหล่งที่มา+ข้อเท็จจริงแวดล้อม  น่าเชื่อว่าจะพิสูจน์ความจริงได้ /

         (2) 1. มีเหตุจำเป็นไม่สามารถนำผู้ที่ได้เห็น/ได้ยิน/ทราบข้อความโดยตรงมาเป็นพยานได้+

               2. มีเหตุสมควรเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม

      *****ม.226/5 

      1. ชั้นพิจารณา

      2. มีเหตุจำเป็น/เหตุอันสมควร

      3. ศาลรับฟัง

          3.1 บันทึกคำเบิกความ ชั้นไต่สวนมูลฟ้อง /

          3.2 บันทึกคำเบิกความ ที่เบิกความไว้ในคดีอื่น

      4. ประกอบพยานหลักฐานอื่นได้

      *ข้อสังเกต   รับฟังประกอบเท่านั้น มิใช่รับฟังเพื่อลงโทษ

      **ม.227/1  วรรค 1

      1. การฟังพยานบอกเล่า   พยานซัดทอด

      2. ต้องทำด้วยความระมัดระวัง+ไม่ควรเชื่อโดยลำพังเพื่อลงโทษ จล.

      3. เว้นแต่

         3.1 มีเหตุผลหนักแน่น /

         3.2 มีพฤติการณ์พิเศษ /

         3.3 มีพยานหลักฐานอื่นประกอบ

                  วรรค 2

      1. พยานประกอบตาม ว.1 หมายถึง

      2. พยานที่รับฟังได้+มีที่มาต่างหากจากพยานบอกเล่า/พยานซัดทอด+มีคุณค่าเชิงพิสูจน์ทำให้พยานบอกเล่า/พยานซัดทอดน่าเชื่อถือมากขึ้น

      **ม.228 

      1. ระหว่างพิจารณา โดยพลการ/คู่ความร้องขอ

      2. ศาลมีอำนาจสืบพยานเพิ่มเติม

      *****ม.229/1  วรรค 1 

      1. ภายใต้บังคับ 173/1

      2. การไต่สวนมูลฟ้อง/การพิจารณา

      3. จ. ต้องยื่นบัญชีพยานก่อนวันไต่สวนมูลฟ้อง/ก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 15 วัน+สำเนา

      4. ส่วน จล. ต้องยื่นบัญชีพยานก่อนวันสืบพยาน จล.+สำเนา

                  วรรค 2 

      1. การขอคืนของกลางที่ศาลริบ/การขอให้ศาลริบทรัพย์

      2. ผู้เกี่ยวข้องต้องยื่นบัญชีพยานก่อนวันไต่สวนไม่น้อยกว่า 7 วัน+สำเนา

                   วรรค 3

      1. ระยะเวลาให้ยื่นบัญชีพยานตาม ว.1 / ว.2  สิ้นสุด

      2. คู่ความ/บุคคลที่ยื่นบัญชีพยานไว้แล้ว

         2.1 มีเหตุสมควรแสดงได้ว่า

               2.1.1 ตนไม่สามารถทราบได้ว่าต้องนำพยานบางอย่างมาสืบ

               2.1.2 ตนไม่ทราบว่าพยานบางอย่างมีอยู่

         2.2 มีเหตุสมควรอื่นใด

      3. บุคคลตามข้อ 2. สามารถขออนุญาตต่อศาลอ้างพยาน+บัญชีพยาน+สำเนา

      4. ไม่ว่าเวลาใดก่อนเสร็จสิ้นการสืบพยานของฝ่ายนั้น+10.

      5. ระยะเวลาตามข้อ 1 สิ้นสุด

      6. คู่ความ/บุคคล ที่ไม่ได้ยื่นบัญชีพยานไว้

      7. แสดงได้ว่า มีเหตุสมควรไม่สามารถยื่นบัญชีพยานตามกำหนดเวลาดังกล่าวได้

      8. บุคคลตามข้อ 6 สามารถขออนุญาตต่อศาลอ้างพยาน+บัญชีพยาน+สำเนา

      9. ไม่ว่าเวลาใดก่อนเสร็จสิ้นการพิจารณา+10

      10. ถ้าศาลเห็นว่าจำเป็นต้องสืบพยานดังกล่าวเพื่อให้การชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรม

      11. ศาลมีอำนาจอนุญาตให้สืบ+รับฟังพยานนั้นได้

                   วรรค 4  

      1. ห้ามศาลอนุญาตให้สืบ+รับฟัง

      2. หากคู่ความ/บุคคลที่เกี่ยวข้อง มิได้แสดงความจำนงอ้างอิงพยานตาม 229/1 ว.1 ว.2 ว.3 / 173/1 ว.2 ว.3

      3. แต่ถ้าศาลเห็นว่า

          3.1 จำเป็นต้องคุ้มครองพยาน

          3.2 จำเป็นต้องสืบพยานดังกล่าว

             3.2.1 เพื่อให้การชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรม

             3.2.2 เพื่อให้โอกาส จล. ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่

      4. ศาลมีอำนาจอนุญาตให้สืบ+รับฟังพยานนั้นได้

      *ข้อสังเกต   การยื่นบัญชีพยาน เดิม นำพยานแพ่งมาอนุโลมใช้แต่ปัจจุบัน พยานอาญากำหนดไว้เฉพาะแล้ว

      หมวด 2 พยานบุคคล

      *****ม.232 

      -ห้าม จ. อ้าง จล.เป็นพยาน

      ม.233  วรรค 1

      -จล.อ้างตนเองเป็นพยานได้

                  วรรค 2

      1. คำเบิกความ จล.ใช้ยัน จล.(ที่เบิกความ) ได้

      2. ศาลรับฟังคำเบิกความ จล. ประกอบพยานอื่นของ  จ.ได้

      ***ม.237  วรรค 2 

      1. กรณีคู่ความตกลงกัน

      2. ศาลสามารถอนุญาต

      3. ให้ถือเอา บันทึกคำเบิกความพยานชั้นไต่สวนมูลฟ้องเป็นคำเบิกความชันพิจารณาโดยไม่ต้องเบิกความใหม่ได้

      4. เว้นแต่ความผิดที่มีโทษอย่างต่ำจำคุกตั้งแต่  5  ปีขึ้นไป/หนักกว่านั้น

      *****ม.237 ทวิ  วรรค 1

      1. ก่อนฟ้องคดีต่อศาล

         1.1 มีเหตุอันควรเชื่อว่า

             1.1.2 พยานบุคคลจะเดินทางออกนอกราชอาณาจักร /

             1.1.2 พยานบุคคลไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง /

             1.1.3 พยานบุคคลมีถิ่นที่อยู่ห่างไกลจากศาลที่พิจารณาคดี /

          1.2 มีเหตุอันควรเชื่อว่าจะมีการยุ่งเหยิงกับพยาน

          1.3 มีเหตุจำเป็นอื่นอันเป็นการยากแก่การนำพยานมาสืบในภายหน้า

      5. พงอ.โดยตนเอง/โดยได้รับคำร้องขอจาก ผสห./โดยได้รับคำร้องขอจาก พงส.

      6. ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งสืบพยานไว้ทันทีได้

      ข้อสังเกต  จะรู้ตัว/ไม่รู้ตัวผู้กระทำผิด  สามารถขอให้สืบพยานไว้ล่วงหน้าได้  ไม่รู้ตัว (237 ทวิ ว.1+ว.4 )

      วรรค 3 

      1. ถ้ามีการฟ้อง ผตห.จะเป็นคดีที่ศาลต้องตั้งทนาย/จล.มีสิทธิขอให้ศาลตั้งทนายให้ตาม 173

      2. ก่อนเริ่มสืบพยาน ศาลต้องถาม ผตห.ว่ามีทนายหรือไม่

      3. กรณีที่ศาลต้องตั้งทนายให้ ( ก.ม.บังคับต้องตั้ง 173 ว.1+จล.ขอ 173 ว.2 )

         3.1 ถ้าเห็นว่าตั้งทัน  ต้องตั้งให้

         3.2 ถ้าเห็นว่าตั้งไม่ทัน  ซักถามพยานให้แทน

      วรรค 5

      -เมื่อ ผตห.ถูกฟ้อง รับฟังคำพยานดังกล่าวในการพิจารณาได้

      วรรค 6

       -ผตห.ขอสืบพยานบุคคลไว้ล่วงหน้าได้ ( เมื่อมีเหตุตาม ว.1 )

      วรรค 8

      -นำ 172 ตรี มาใช้กับการสืบพยานเด็กอายุไม่เกิน18 ปีโดยอนุโลม

      ***ม.237 ตรี  วรรค 1

      1. นำ 237 ทวิ มาใช้โดยอนุโลมกับ

        1.1 การสืบพยานผู้เชี่ยวชาญ /

        1.2 การสืบพยานหลักฐานอื่น /

        1.3 กรณีมีการฟ้องคดีไว้แล้วแต่มีเหตุจำเป็นต้องสืบพยานไว้ก่อนถึงกำหนดเวลาสืบพยานตามปกติตาม173/2 ว.2

       วรรค 2

      1. ในกรณี

         1.1 พยานทางวิทยาศาสตร์สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงที่สำคัญในคดีได้ /

         1.2 มีเหตุอันควรเชื่อว่า หากเนิ่นช้ากว่าจะนำพยานทางวิทยาศาสตร์อันสำคัญมาสืบในภายหน้า พยานนั้น

      จะสูญเสียไป/จะเป็นการยากแก่การตรวจพิสูจน์

      2. ผตห./พงอ.โดยตนเอง/พงอ. โดยได้รับคำร้องจาก พงส./ผสห.

      3. ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ตาม 244/1 ไว้ก่อนฟ้องได้

      4. นำ 237 ทวิ มาใช้โดยอนุโลม

      หมวด 3 พยานเอกสาร

      **ม.240  วรรค 1        

      1. กรณีศาลไม่ได้กำหนดให้มีวันตรวจพยาน ตาม 173/1

      2. คู่ความจะอ้างเอกสารที่อยู่ในครอบครองของตนเป็นพยาน

      3. ต้องยื่นพยานเอกสารต่อศาลก่อนวันไต่สวนมูลฟ้อง/วันสืบพยานไม่น้อยกว่า 15 วัน

      4. เว้นแต่

          4.1 เอกสารนั้นเป็นบันทึกคำให้การพยาน /

          4.2 เอกสารนั้นเป็นเอกสารที่ปรากฏชื่อ/ที่อยู่ของพยาน /

          4.3 ศาลเห็นสมควรสั่งเป็นอย่างอื่นเนื่องจากสภาพ+ความจำเป็นแห่งเอกสารนั้น 

                    วรรค 3

      1. คู่ความ

         1.1 ไม่ส่งเอกสารตาม ว.1 /

         1.2 ไม่ส่งพยานเอกสาร/พยานวัตถุตาม  173/2  ว.1

      2. ให้ศาลมีอำนาจไม่รับฟังพยานหลักฐานนั้น

      3. เว้นแต่

          3.1 เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม

          3.2 การไม่ปฏิบัติดังกล่าวมิได้เป็นไปโดยจงใจ+ไม่เสียโอกาสในการดำเนินคดีของคู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง

       

      หมวด 4 ผู้เชี่ยวชาญ

      *****ม.244/1  วรรค 1

      1.กรณีความผิดอาญามีโทษจำคุก

      2.หากจำเป็นต้องใช้พยานทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ข้อเท็จจริงที่เป็นประเด็นสำคัญแห่งคดี

      3.ศาลมีอำนาจสั่งให้ทำการตรวจพิสูจน์บุคคล/วัตถุ/เอกสาร โดยวิธีทางวิทยาศาสตร์ได้

                     วรรค 2

      1. กรณีการตรวจพิสูจน์ตาม ว.1 

      2. จำเป็นต้องตรวจเก็บตัวอย่างเลือด...จากคู่ความ/บุคคลใด

        2.1 ศาลมีอำนาจสั่งแพทย์/ผู้เชี่ยวชาญ ดำเนินการตรวจดังกล่าวได้ +

         2.2 ต้องทำเท่าที่จำเป็น+สมควร+คู่ความ/บุคคลที่เกี่ยวข้องต้องให้ความยินยอม

      4. หากคู่ความฝ่ายใด

         4.1 ไม่ยินยอมโดยไม่มีเหตุสมควร

         4.2 กระทำการป้องปัดขัดขวางมิให้บุคคลที่เกี่ยวข้องให้ความยินยอมโดยไม่มีเหตุสมควร

      5. ให้สันนิษฐานไว้เบื้องต้นว่าข้อเท็จจริงเป็นไปตามที่คู่ความฝ่ายตรงข้ามกล่าวอ้าง

                       วรรค 3

      1. ในกรณี

          1.1 พยานทางวิทยาศาสตร์สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงที่ทำให้ศาลชี้ขาดได้โดยไม่ต้องสืบพยานอื่นอีก /

          1.2 มีเหตุอันควรเชื่อว่า หากเนินช้ากว่าจะนำพยานทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญมาสืบในภายหน้า พยานนั้น

      จะสูญเสียไป/จะยากแก่การตรวจพิสูจน์

      2. เมื่อคู่ความร้องขอ/ศาลเห็นสมควร

      3. ศาลอาจสั่งให้ทำการตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ตาม ว.1+ว.2  ได้ทันที

      4. โดยไม่ต้องรอถึงกำหนดวันสืบพยานตามปกติ

      5. นำ 237 ทวิ  มาใช้โดยอนุโลม

      เพิ่มเติมส่วน ป.วิอาญา

      ***ม.173/1  วรรค 1

      1. คดีที่ จล.ไม่ให้การ/ให้การปฏิเสธ           (ถ้า จล.รับสารภาพ ไม่เข้า)

      2. คู่ความฝ่ายใดร้องขอ/ศาลเห็นสมควร

      3. ศาลอาจให้มี วันตรวจพยานหลักฐาน  ก่อนกำหนดวันสืบพยาน

      4. แจ้งให้คู่ความทราบล่วงหน้า ไม่น้อยกว่า 14 วัน (เช่น วันตรวจคือ 15 ม.ค. ต้องแจ้งอย่างช้าสุดวันที่

                          วรรค 2

      1. ก่อนวันตรวจพยานหลักฐานตาม ว.1 ไม่น้อยกว่า 7 วัน

      2. คู่ความต้องยื่นบัญชีระบุพยาน พร้อม สำเนา ที่เพียงพอให้คู่ความฝ่ายอื่นรับไปจาก จพง.ศาล

      3. คู่ความฝ่ายใดจะยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติม

      4. ต้องยื่น ก่อนการตรวจพยานหลักฐานเสร็จสิ้น

                          วรรค 3

      1. การยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมเมื่อพ้นเวลาตาม ว.2

      2. ทำได้เมื่อ ได้รับอนุญาตจากศาล

         2.1 เมื่อผู้ร้องแสดงเหตุอันควรว่า ไม่สามารถทราบถึงพยานหลักฐานนั้น

         2.2 เมื่อเป็นกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม

         2.3 เพื่อให้โอกาส จล.ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่

                          วรรค 4

      1. พยานเอกสาร/พยานวัตถุ

      2. อยู่ในความครอบครองบุคคลภายนอก

      3. คู่ความที่ต้องการอ้าง

      4. ต้องขอให้ศาลมีคำสั่งเรียกมาจากผู้ครอบครอง

      5. โดยยื่นคำขอต่อศาล พร้อม การยื่นบัญชีระบุพยาน

      6. เพื่อให้ได้มา ก่อนวันตรวจพยานหลักฐาน/ก่อนวันที่ศาลกำหนด

      ***ม.173/2  วรรค 1

      1. วันตรวจพยานหลักฐาน

      2. คู่ความต้องส่งพยาน เอกสาร+พยานวัตถุ ที่อยู่ในครอบครองของตนต่อศาล

      3. เพื่อให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตรวจสอบ

      4. เว้นแต่

         4.1 ศาลสั่งอย่างอื่นเนื่องจาก สภาพ+ความจำเป็น แห่งพยานหลักฐานนั้น

         4.2 พยานหลักฐานนั้นเป็น บันทึกคำให้การพยาน

      5. เมื่อศาลกำหนดวันสืบพยาน ต้องแจ้งให้คู่ความทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน

      6. ถ้า จ. ไม่มาศาลในวันตรวจพยานหลักฐาน นำ 166 มาใช้โดยอนุโลม

                       วรรค 2

      1. กรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม

      2. ศาลเห็นสมควร/คู่ความร้องขอ

      3. ศาลมีอำนาจสั่งให้สืบพยานเกี่ยวกับประเด็นสำคัญในคดี

      4. ไว้ล่วงหน้าก่อนถึงกำหนดวันนัดสืบพยานได้

      ***ม.55/1  วรรค 1

      1. คดีที่ พงอ.เป็น จ.

      2. หากปรากฏว่า

          2.1 พยาน จ. มีเหตุขัดข้องไม่อาจมาศาลได้ /

          2.2 เกรงว่าจะเป็นการยากที่จะนำพยาน จ. มาสืบตามที่ศาลนัด

      3. ให้ พงอ. ขอให้ศาลสืบพยานไว้ล่วงหน้าตาม 173/2 ว.2

      *ข้อสังเกต  ปรับบท 55 ว.1+173/2 ว.2

       

      ********************